Uncategorized

รู้หรือไม่?! ไวน์ไม่ได้มีแค่ 5 ชนิด

‘ไวน์’ สุดยอดเครื่องดื่มคลาสสิคยอดนิยมตลอดกาลที่ครองใจนักดื่มมาทุกยุคทุกสมัย ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูหรูหรามีความเฉพาะตัว สามารถจับคู่กับมื้ออาหารได้อย่างหลากหลาย โดยกระแสไวน์ในปัจจุบันนี้ค่อนข้างเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น ด้วยการแบรนดิ้งของทั้งแบรนด์เก่า และแบรนด์ใหม่ๆ ที่ทำให้ภาพลักษณ์ของไวน์ดูเป็น Young Generation ขึ้นมาก โดยในวันนี้เราจะมาศึกษาประเภทต่างๆ ของไวน์ เพื่อที่เราจะได้ค้นพบไวน์ที่ถูกใจมากที่สุดกันครับ

 

ไวน์ 9 ชนิดที่คอไวน์ต้องรู้จัก

ไวน์ในท้องตลาดนั้นมีอยู่มากมายหลากหลายสไตล์ แต่ที่เรารู้จักกันส่วนใหญ่จะมีแค่ 5 ชนิดหลักๆ ซึ่งจริงๆ แล้วไวน์มีประเภทที่เราสามารถแตกออกมาได้ยิบย่อยกว่านั้นอีกนิดหน่อย และวันนี้เราจะแยกออกมาทั้งหมดเป็น 9 ชนิด โดยไล่ระดับตั้งแต่ไวน์ที่มีรสสัมผัสบางเบาไปจนถึงไวน์ที่มีรสสัมผัสเข้มข้น ดังนี้ครับ

 

1.SPARKLING WINE

Sparkling Wine เป็นผลผลิตขององุ่ขาว และองุ่นดำที่ถูกเอาเปลือกออกก่อนการหมักบ่ม จึงทำให้น้ำมีสีเหลืองอมเขียวใสน่าจิบ ส่วนความซ่านั้นเกิดจากการหมักตามธรรมชาติจึงทำให้เกิดแก๊ส CO2 มีฟองคล้ายโซดา โดยชื่อที่คุ้นหูกันมากที่สุดก็คือแชมเปญนั่นเอง

 

2.DRY WHITE WINE

ไวน์ขาวชนิดนี้จะมีสีใสออกเหลืองไม่มาก และจะโดดเด่นในเรื่องของรสชาติที่มีความเปรี้ยวนำ เพราะมีความเป็นกรดสูง จิบแล้วรู้สึกได้ถึงความมีชีวิตชีวา ที่สำคัญคือเมื่อได้มาแล้วควรดื่มภายในหนึ่งปีหลังจากบรรจุขวด ไม่เหมาะแก่การเก็บสะสม

 

3.SWEET WHITE WINE

สำหรับคนที่ชอบไวน์ที่มีรสชาติชัดเจนขึ้นมาอีกสักหน่อย เราขอแนะนำให้ลองจิบ Sweet White Wine ไวน์ขาวยอดนิยมตลอดกาลด้วยความหวานหอม ทำให้ดื่มง่าย จับคู่กับอาหารได้หลากหลาย เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจคอไวน์หน้าใหม่หลายๆ คนเลยทีเดียว

 

4.RICH WHITE WINE

สำหรับคอไวน์ระดับโปรอาจจะลองขยับขึ้นมาเป็นไวน์ขาวแบบ Full Body ที่มีความเข้มข้นสูง ทั้งในเรื่องของรสสัมผัส รสชาติ และกลิ่นที่ชัดเจน ใช้เวลาหมักบ่มที่ค่อนข้างยาวนาน และมีส่วนผสมที่แน่นกว่าไวน์ขาวชนิดอื่นๆ

 

5.ROSE WINE

มาถึงขวัญใจคอไวน์สาวๆ ทั่วโลกกับ Rose Wine โดยไวน์ชนิดนี้จะมีแทนนินเพียงเล็กน้อยจากการแช่องุ่นทั้งเปลือกในระยะเวลาสั้นๆ แต่จะไม่ได้ถูกหมักบ่มแบบเข้มข้นเหมือนกับไวน์แดง จึงทำให้มีสีสันน่ารัก น่าจิบ และรสชาติที่ไม่รุนแรง จึงเหมาะกับสาวๆ ที่อยากจิบสังสรรค์แบบสวยๆ เป็นที่สุด

 

6.LIGHT RED WINE

หรือที่คอไวน์รู้จักกันในชื่อ ‘Sideways Wine’ เป็นไวน์แดงที่ไม่ได้ใช้ระยะเวลาที่ยาวนาน รวมถึงพันธ์องุ่นที่ใช้ส่วนมากจะเป็น  Pinot Noir และ Gamay ซึ่งเป็นองุ่นที่มีสีผิวอ่อน ทำให้ปริมาณแทนนินน้อยกว่าไวน์แดงชนิดอื่นๆ เช่น ไวน์ Pinot Noir, Beaujolais, Lambrusco และ St. Laurent เป็นต้น

 

7.MEDIUM RED WINE

เป็นไวน์ที่คอไวน์ต้องมีติดตู้ ด้วยรสชาติที่กำลังพอดี ไม่เบา หรือเข้มจนเกินไป ดื่มได้ทุกโอกาส มีสีแดงปานกลางแสดงถึงปริมาณแทนนินที่มากกว่าไวน์ก่อนหน้าเล็กน้อย มีความเข้มข้นลงตัว เช่น Merlot, Cabernet Franc, Zinfandel และ Barbera  เป็นต้น

 

8.BOLD RED WINE

ไวน์แดงชนิด Full Body มีความเข้มข้นของแทนนิน และปริมาณแอลกอฮอล์ที่สูง ไวน์ชนิดนี้เหมาะที่สุดสำหรับการจับคู่กับอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ มีกลิ่นสไปซ์ และถังไม้โอ๊คที่ชัดเจน ขาของไวน์จะเกาะแก้วได้ดีแบบที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน เช่น Cabernet Sauvignon, Malbec, Shiraz และ Petite Sirah เป็นต้น

 

9.DESSERT WINE

เป็นไวน์ที่ปริมาณน้ำตาล และดีกรีแอลกอฮอล์มากกว่าไวน์ทั่วไป ส่วนมากเริ่มต้นที่ %15 ABV. ใช้เสิร์ฟคู่ หรือเป็นส่วนผสมของของหวาน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ โดยส่วนใหญ่จะเสิร์ฟมาในแก้วขนาดเล็กเพื่อจำกัดปริมาณของไวน์

เก็บไวน์ยังไงให้ดูโปร

การเก็บไวน์ที่ถูกต้องนั้นควรจะวางขวดในแนวนอน เพื่อเป็นการกันอากาศจากภายนอกเข้ามาในขวดไวน์ด้วยการให้ไวน์ได้สัมผัสกับตัวจุก อีกองค์ประกอบที่สำคัญคือควรเก็บที่อุณหภูมิ 12.5 องศาเซลเซียส มีความชื้นสูง ไม่ต่ำกว่า 75 – 85% เพื่อไม่ให้คอร์กแห้ง และเพื่อรสชาติที่ดีที่สุดควรเก็บในที่มืด หลีกเลี่ยงแสงแดด และเมื่อเปิดไวน์แล้วควรจะดื่มให้หมดขวด ไม่ควรเหลือเก็บไว้เพราะอาจทำให้รสชาติเพี้ยนไป แต่หากดื่มไม่หมดจริงๆ สามารถใช้เป็นจุกสูญญากาศที่มีขายตามออนไลน์ทั่วไปปิดขวดเอาไว้ได้ เพื่อคงสภาพของไวน์นั้นๆ ให้เปลี่ยนไปน้อยที่สุด

 

จะไวน์แบบไหนเราก็มีให้ครบจบที่นี่ และราคาดีที่สุด!

อ่านชนิดของไวน์จบแล้วก็ต้องลองซื้อไว้จิบสักขวด ลองเลือกแบบที่ใช่คุณ แล้วกดปุ่มแอดไลน์มาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม แล้วสั่งซื้อไวน์ในราคาดีๆ กับ Wine Daily BKK ได้แล้ววันนี้ง่ายๆ กดเลย!