Uncategorized

เปลี่ยนมือใหม่เป็นโปรไวน์ใน 4 ขั้นตอน

ช่วงนี้กระแสการดื่มไวน์ในบ้านเราถือได้ว่าเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการตื่นตัวของตลาดไวน์ตามโซเชียลมีเดียต่างๆ เทรนด์การผลิตไวน์แบบโฮมเมด รวมถึงไวน์บาร์ที่เปิดตัวกันอย่างต่อเนื่อง โดยหลายๆ คนที่พึ่งเริ่มหันมาสนใจการดื่มไวน์อาจจะยังงงๆ กับการดื่มไวน์ยังไงให้ได้อรรถรส และยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี ในวันนี้เราก็ได้หยิบเอาคำแนะนำเบื้องต้นในการดื่มไวน์แบบฟินๆ มาให้ได้ศึกษากันครับ

 

สเต็ปง่ายๆ ดื่มไวน์ได้แบบเท่ๆ

การดื่มไวน์ถือเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่ง เพราะไวน์แต่ละชนิดมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ต่างกัน ซึ่งหากพลาดรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างไป ก็อาจทำให้คุณเสียอรรถรสที่ควรจะได้จากการจิบไวน์ไปด้วย หากเราศึกษาพื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบที่แตกต่างกันของไวน์ก็จะทำให้การดื่มไวน์ของคุณมีคุณค่ากว่าการดื่มแบบทั่วๆ ไป และทำให้คุณได้เพลิดเพลินกับการดื่มด่ำไวน์แต่ละชนิดมากยิ่งขึ้น จนรู้ตัวอีกทีคุณอาจจะกลายเป็นนักจิบไวน์ระดับโปรไปเลย ซึ่งจริงๆ แล้วการจิบไวน์แบบมืออาชีพนั้น มีอยู่แค่ 4S เป็นขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

 

1.‘มอง’ อย่างพินิจ พิจารณา (SEE)

ขั้นตอนแรกหลังจากที่รินไวน์ลงแก้วแล้วให้ค่อยๆ พิจารณาไวน์ในแก้วดูว่า ไวน์นั้นๆ มีความขุ่น – ใสมากน้อยเพียงใด ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีเบื้องต้นที่สามารถบ่งบอกได้ว่าไวน์ที่อยู่ตรงหน้ามีลักษณะของรสสัมผัส หรือ ‘บอดี้’ (Body) ของไวน์อยู่ในระดับใด โดยไวน์ที่มีความใสมากก็อาจเป็นไปได้ว่ามีบอดี้ค่อนข้างที่เบา (Light) หากเข้มขึ้นมาหน่อยก็อาจเป็นไวน์ที่มีรสสัมผัสแบบปานกลาง (Medium) และระดับสุดท้ายคือไวน์ที่มีความเข้มมากอาจแสดงว่าไวน์นั้นมีบอดี้ที่หนัก (Full) และในส่วนของไวน์ขาวก็สามารถสังเกตได้จากสีเช่นกัน โดยดูที่เฉดสี สีเหลือง สีทอง สีส้ม หรือสีอำพัน ก็จะไล่ความเข้มข้นไปตามลำดับ

 

  1. ‘แกว่ง’ แก้วเบาๆ (SWIRL)

เข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 นั่นก็คือการหยิบแก้วขึ้นมาแกว่งเบาๆ เพื่อให้ไวน์ได้สัมผัสกับอากาศจนกลิ่นค่อยๆ กระจายตัวออกมา โดยระหว่างนี้ให้สังเกตที่ ‘ขา’ (Leg) ของไวน์ หรือน้ำไวน์ที่ค่อยๆ ไหลลงมารอบๆ แก้ว ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร โดยสามารถใช้ดูปริมาณของแอลกอฮอล์ในไวน์ชนิดนั้นๆ  ในระดับเบื้องต้นได้ ยิ่งมีขาไวน์มาก บ่งบอกว่าปริมาณแอลกอฮอล์ยิ่งสูง และในส่วนของความหวานของ หรือปริมาณของน้ำตาลในไวน์ ไวน์ที่ยิ่งมีความหวานมาก ขาของไวน์จะยิ่งมีความหนืดเกาะกับแก้วมาก ทั้งนี้นี่เป็นแค่การอ่านขาไวน์แบบขั้นพื้นฐานเท่านั้น สามารถเลือกชมไวน์ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่มแอดไลน์ด้านล่างได้เลย!

 

  1. ‘ดม’ กลิ่นซึมซับอรรถรส (SMELL)

หลังจากที่เราทำการแกว่งแล้วก็เข้าสู่ขั้นตอนของการดมกลิ่นเพื่อซึมซับโน้ตต่างๆ ของไวน์ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นผลไม้ ดอกไม้ เครื่องเทศ ถังไม้โอ๊ค และกลิ่นสโมคต่างๆ เป็นต้น และเพื่อพิจารณาก่อนจิบว่ามีกลิ่นแปลกปลอม หรือผิดปกติไหม หากได้กลิ่นของไวน์นั้นๆ ตั้งแต่ในระยะที่จมูกยังไม่ใกล้แก้วมากแสดงว่าไวน์นั้นน่าจะมีความเข้มข้นสูงจึงมีกลิ่นที่ชัดเจน (Pronounced) และสำหรับไวน์ที่ดมเท่าไหร่ก็ไม่ได้กลิ่นก็เป็นไปได้ว่าไวน์ในแก้วนั้นมีความเข้มข้นต่ำ (Light) ซึ่งจะบ่งบอกถึง Body ของไวน์ที่เราพูดกันไว้ในข้อก่อนหน้าด้วยนั่นเอง

 

  1. 4. ‘จิบ’ อม กลืน และดื่มด่ำ (SIP)

ขั้นตอนสุดท้ายนี้จะเริ่มตั้งแต่การจิบไวน์เข้าไปจากนั้นเราจะอมไวน์เอาไว้ 3-5 วินาทีเพื่อให้ต่อมรับรสที่ลิ้นของคุณทำงานอย่างเต็มที่ จึงค่อยกลืน และให้สูดอากาศเข้าทางปากจะทำให้คุณได้กลิ่นของไวน์จากทางหลังเพดานปากที่เชื่อมกับโพรงจมูกด้วย เกิดขั้นแล้วจากนั้นก็จะต้องทำการกลั้วไวน์บริเวณรอบๆ ปากให้รสชาติของไวน์ได้สัมผัสจนทั่วและรับรู้ได้ถึงรสชาติที่แท้จริงของไวน์ หลังจากนั้นจึงค่อยๆ กลืนลงคอช้าๆ เพื่อดื่มด่ำกับ Aftertaste ของไวน์จากนั้นให้ทำการสรุปข้อดีข้อเสียต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของคุณเพื่อเป็นการให้คะแนนไวน์นั้นๆ สำหรับการดื่มซ้ำในครั้งต่อๆ ไป

ดื่มไวน์ไม่มีถูก-ผิด มีแต่เพลิน

เมื่อคุณเรียนรู้ขั้นตอนเบื้องต้นต่างๆ ของการดื่มไวน์แล้ว การฝึกดื่มไปเรื่อยๆ จะทำให้คุณเข้าใจธรรมชาติของไวน์ และดื่มด่ำแบบลื่นไหลมากยิ่งยิ่งขึ้น ทั้งนี้ควรลองไวน์หลายๆ ประเภท เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าไวน์แบบไหนที่เหมาะกับเรา รวมถึงการลองจับคู่กับอาหารต่างๆ ที่ชอบด้วย

 

อยากลองดื่มไวน์ แต่อยากเริ่มที่ราคาไม่แรงซื้อที่ไหนดี?

หากคุณกำลังมองหาแหล่งซื้อไวน์ที่มีให้เลือกหลากหลายประเภท แถมยังราคาดีที่สุด ต้องที่นี่ Wine Daily BKK เท่านั้น สนใจสั่งซื้อไวน์สามารถกดปุ่มแอดไลน์ด้านล่าง และสอบถามรายละเอียดเข้ามาได้เลย!