แนะนำไวน์แดง Top 10 ไวน์แดงยี่ห้อไหนดี ที่ควรมีติดบ้านไว้

“ไวน์แดง” เป็นเครื่องดื่มอีกชนิดหนึ่งที่รสชาติมีความเป็นเอกลักษณ์ ดื่มง่าย และสามารถจับคู่กับอาหารได้หลากหลายชนิด จึงเป็นตัวช่วยที่สามารถเสริมให้มื้ออาหารของนักดื่มมีความพิเศษมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ในบทความนี้จึงจะพานักดื่มไปดูกันว่า TOP 10 ไวน์แดงยี่ห้อไหนดี ที่ควรมีติดบ้านไว้ ที่สามารถซื้อไปเป็นของฝากก็ได้ หรือซื้อมาดื่มเองก็ดี

Robert Mondavi Private Selection

Robert Mondavi Private Selection เป็นไวน์แดงจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ผลิตมาจากองุ่นสายพันธ์ Cabernet Sauvignon ที่นำมาเป็นวัตถุดิบหลักเพียงสายพันธุ์เดียว โดยผ่านการหมักลงในถังโอ๊คชั้นดีจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีการใช้อัตราส่วนขององุ่นมากกว่าส่วนผสมอื่นๆ และใช้ระยะเวลาในการหมักเพียง 10 เท่านั้น จึงทำให้ Robert Mondavi Private Selection นั้นมีสีแดงเข้มคล้ายกับสีของทับทิม และมีรสชาติ และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่เปิดมาด้วยกลิ่นของโอ๊คอย่างชัดเจน ตามมาด้วยกลิ่นของกาแฟ กลิ่นรมควัน กลิ่นดาร์คเบอร์รี กลิ่นช็อคโกแลต กลิ่นน้ำตาลทราย กลิ่นวานิลลา และกลิ่นนม มาพร้อมกับรสชาติของคาราเมล กาแฟ น้ำตาลทราย และมีรสชาติของควันจากการรมควันแบบจางๆ ที่อบอวลอยู่ภายในปาก และถ้าหากดื่มคู่กับเมนูอาหารอย่างซี่โครงย่างรมควัน พาสต้า สปาเก็ตตี้ แฮม หรือขนมปัง ก็จะยิ่งทำให้มื้ออาหารมีความพิเศษมากยิ่งขึ้น

Robert Mondavi Napa Valley

Robert Mondavi Napa Valley เป็นไวน์แดงที่มาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาเช่นกัน โดยผลิตมาจากองุ่นมากถึง 7 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, สายพันธุ์ Merlot, สายพันธุ์ Petit Verdot, สายพันธุ์ Cabernet Franc, สายพันธุ์ Malbec และสายพันธุ์ Syrah และจะต้องเป็นองุ่นที่มาจาก Oakville และ Wappo Hill เท่านั้น รวมถึงผ่านกระบวนการในการหมักที่มีความพิถีพิถัน จึงทำให้ Robert Mondavi Napa Valley นั้นมีสีแดงเข้มค่อนไปทางสีดำ และมีรสชาติ และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่เปิดมาด้วยกลิ่นขององุ่นนานาพันธุ์ ตามมาด้วยกลิ่นของบลูเบอร์รี แบล็คเบอร์รี ลูกพลัม สมุนไพร และเครื่องเทศต่างๆ และมีรสชาติหอมหวานจากผลไม้สุก ช็อคโกแลต และแฝงไปด้วยรสชาตเปรี้ยวเล็กน้อยที่ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ถ้าหากนำไปดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อแกะ เนื้อวัว เนื้อหมู หรือเนื้อเป็ด ก็จะยิ่งช่วยให้สัมผัสของไวน์นั้นดียิ่งขึ้น และทำให้มื้ออาหารมีความพิเศษมากขึ้นไปด้วย

Escudo Rojo

Escudo Rojo เป็นไวน์แดงจากเมืองซันติอาโก ประเทศชิลี ที่มีการผลิตมาจากองุ่น 4 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, สายพันธุ์ Cabernet Franc, สายพันธุ์ Caemenere และสายพันธุ์ Syrah โดยองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon นั้นจะเป็นสายพันธุ์หลักที่ใช้ในการผลิต Escudo Rojo ที่จะต้องทำการเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนพฤษภาคมเท่านั้น และจะเลือกใช้เฉพาะผลองุ่นที่สุก เพื่อนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊คที่มีอายุ 1 ปี และใช้ระยะเวลาในการหมักบ่มประมาณ 8 เดือน ทำให้ Escudo Rojo นั้นมีสีแดงเข้มคล้ายกับสีทับทิม ที่เปิดมาด้วยกลิ่นของผลไม้อย่างสตรอเบอร์รี เชอร์รี และแบล็คเคอแรนท์ ตามมาด้วยกลิ่นของวานิลลา และอัลมอนด์ และมีรสชาติหอมหวานของช็อคโกแลต วานิลลา และคาราเมล พร้อมกับปิดท้ายด้วยพริกไทย และเครื่องเทศ ที่ทำให้มีรสชาติเผ็ดที่ปลายลิ้นเล็กน้อย เหมาะกับการนำไปดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อไก่ หรือเนื้อเป็ด เป็นอย่างมาก

Château d’Armailhac

Château d’Armailhac หรือไวน์ตุ๊กตาเดี่ยว เป็นไวน์แดงจากเมืองบอร์กโดซ์ ประเทศฝรั่งเศส ที่มีการผลิตมาจากองุ่น 4 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, สายพันธุ์ Merlot, สายพันธุ์ Cabernet Franc และสายพันธุ์ Petit Verdot ที่ปลูกในเมืองบอร์กโดซ์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการปลูกองุ่น โดยกระบวนการผลิต Château d’Armailhac นั้นจะผ่านการหมักบ่มในถังแสตนเลสที่มีการควบคุมอุณหภูมิก่อน แล้วจึงนำไปหมักบ่มต่ออีก 16 เดือนในถังไม้โอ๊คชั้นดี จึงทำให้ Château d’Armailhac นั้นมีรสชาติ และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ซึ่งไวน์แดง Château d’Armailhac นั้นก็จะมีหลายรุ่นให้เลือกดื่มกัน ไม่ว่าจะเป็นรุ่นปี 2005, 2016 และ 2018 โดยแต่ละรุ่นก็จะมีรสชาติ และกลิ่นที่แตกต่างกันไป แต่จะมีเอกลักษณ์เดียวกัน นั่นก็คือ ความวินเทจ ความเข้มข้นของแทนนิน กลิ่นของแบล็คเบอร์รี กลิ่นของยาสูบ และเครื่องเทศ ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของ Château d’Armailhac ที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้

Château Clerc Milon

Château Clerc Milon หรือไวน์ตุ๊กตาคู่ เป็นไวน์แดงที่มาคู่กับไวน์ตุ๊กตาเดี่ยว และมาจากเมืองบอร์กโดซ์ ประเทศฝรั่งเศสเช่นกัน โดยมีการผลิตมาจากองุ่น 6 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, สายพันธุ์ Merlot, สายพันธุ์ Cabernet Franc, สายพันธุ์ Petit Verdot, สายพันธุ์ Verdot และสายพันธุ์ Carmenere ที่จะนำไปผ่านกระบวนการหมักบ่มที่มีความพิถีพิถัน ทำให้ Château Clerc Milon มีความเข้มข้นของแทนนินสูง และเปิดมาด้วยกลิ่นของผลไม้สีแดงที่ผสมผสานกับกลิ่นของผลไม้ป่า และกลิ่นของน้ำแร่ และปิดท้ายด้วยกลิ่นของเครื่องเทศ และยาสูบ รวมถึงไปด้วยรสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย ที่ทำให้รสชาติ และกลิ่นของ Château Clerc Milon มีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน เหมาะกับการนำไปดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักของเนื้อวัว เนื้อแกะ หรือเนื้อสั้นในเทนเดอลอยด์ ที่จะช่วยให้นักดื่มได้สัมผัสกับรสชาติของอาหารได้ดียิ่งขึ้น และสัมผัสได้ถึงรสชาติสุดพรีเมียมของ Château Clerc Milon ได้อย่างเต็มที่

Beringer Napa Valley

Beringer Napa Valley เป็นไวน์แดงจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย Beringer Napa Valley นั้นผลิตมาจากองุ่นสายพันธ์ Cabernet Sauvignon เพียงสายพันธุ์เดียว และผ่านกระบวนการในการหมักบ่มที่เป็นวิธีในการผลิตดั้งเดิมเฉพาะ Beringer Napa Valley ทำให้ได้ Beringer Napa Valley ที่มีสีแดงเข้มสวยงามคล้ายกับสีของทับทิม และเปิดด้วยกลิ่นหอมของผลไม้ตระกูลเบอร์รี และกลิ่นของผลไม้สุก และกลิ่นของช็อคโกแลต และมีรสชาติที่หอมหวานจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี และผลไม้สุก ตามมาด้วยรสของดาร์กช็อคโกแลต และสารแทนนิน ที่แฝงไปด้วยความขมเล็กน้อยที่ตัดกับรสชาติหวานอย่างลงตัว รวมถึงยังมีรสชาติของวานิลลา แบล็คเบอร์รี วอลนัท และเฮเซลนัท เหมาะกับการดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบหลักของเนื้อวัว เนื้อหมู หรืออาหารที่มีส่วนประกอบของชีส ที่จะช่วยเสริมให้นักดื่มได้สัมผัสรสชาติอาหาร และรสชาติของไวน์ได้อย่างดีเยี่ยม

Robert Mondavi Bourbon

Robert Mondavi Bourbon เป็นไวน์แดงจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีการใช้องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon เพียงสายพันธุ์เดียวในการผลิตเช่นกัน โดยผ่านกระบวนการหมักบ่มในถังโอ๊คเบอร์เบิ้นชั้นเยี่ยม ที่มีการหมักทั้งในถังโอ๊คเก่า และถังโอ๊คใหม่ ก่อนที่จะนำมาเบลนด์เข้าด้วยกัน ทำให้ Robert Mondavi Bourbon นั้นมีรสชาติ และกลิ่นที่ค่อนข้างเข้มข้นกว่าไวน์แดงตัวอื่นๆ เป็นอย่างมาก ซึ่งจะเปิดมาด้วยกลิ่นของน้ำตาลไหม้ กาแฟ กลิ่นรมควัน ช็อคโกแลต แบล็คเบอร์รี และวานิลลา ตามมาด้วยรสชาติของมอคค่า คาราเมล และไม้โอ๊ค จึงทำให้ Robert Mondavi Bourbon นั้นเหมาะกับการนำไปดื่มคู่กับอาหารทะเล อาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์เป็นหลัก เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ หรือเนื้อหมู หรืออาหารที่มีชีสเป็นส่วนประกอบ เพราะจะช่วยให้รสชาติของ Robert Mondavi Bourbon มีความละมุนมากขึ้น และดื่มง่ายมากขึ้น

Robert Mondavi Oakville

Robert Mondavi Oakville เป็นไวน์แดงยอดนิยมจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผลิตมาจากองุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon ที่ปลูกใน Oak Ville เท่านั้น และผ่านกระบวนการในการหมักบ่มที่มีความเฉพาะตัวของแหล่งผลิต Robert Mondavi ที่ใช้ถังไม้โอ๊คจากฝรั่งเศส และใช้ระยะเวลาในการหมักบ่มนานถึง 16 เดือน ทำให้ Robert Mondavi Oakville นั้นมีรสชาติ และกลิ่นที่มีความซับซ้อนที่เปิดมาด้วยกลิ่น และรสชาติที่มีความหอมหวานขององุ่น ตามมาด้วยแบล็คเบอร์รี ลูกพลัม ลูกจันทน์ ดาร์คช็อคโกแลต วานิลลา มิ้นต์ และปิดท้ายด้วยยาสูบ เหมาะกับการนำไปดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบของชีส หรือเนื้อสัตว์เป็นหลัก เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแกะ เนื้อไก่ เนื้อเป็ด หรือเนื้อปลา เป็นต้น

Beringer Knight Valley

Beringer Knight Valley เป็นไวน์แดงจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีการนำองุ่น 5 สายพันธุ์มาผสมผสานเข้าด้วยกัน ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon, สายพันธุ์ Merlot, สายพันธุ์ Caberneet Franc, สายพันธุ์ Malbec และสายพันธุ์ Petit Verdot แต่จะเน้นอัตราส่วนของสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon เป็นหลัก และจะต้องปลูกในไร่องุ่น Knight Valley เท่านั้น พร้อมกับผ่านกระบวนการในการหมักบ่ม Malolactic Fermentation ทำให้รสสัมผัสของ Beringer Knight Valley นั้นมีความนุ่มละมุน และทำให้ Beringer Knight Valley มีรสชาติ และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีทั้งแบล็คเบอร์รี แบล็คเชอร์รี แบล็คเคอแรนท์ บลูเบอร์รี เมเปิ้ล ช็อคโกแลต มอคค่า ลูกเกด มะกอกดำ และเครื่องเทศต่างๆ ที่ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เหมาะกับการนำไปดื่มคู่กับอาหารที่เป็นประเภทสเต็ก ปิ้งย่าง รมควัน หรือบาร์บีคิว เป็นอย่างมาก

Penfold Bin389

Penfold Bin389 เป็นไวน์แดงตัวดังจากประเทศออสเตรเลีย หรือที่นักดื่มหลายๆ คนอาจจะรู้จักกันในชื่อของ Baby Grange ที่มีการผลิตจากองุ่น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Cabernet Sauvignon และสายพันธุ์ Shiraz ที่ผ่านกระบวนการหมักบ่มในถังโอ๊คบาร์เรลเป็นระยะเวลามากกว่า 12 เดือน ทำให้ได้ Penfold Bin389 ที่มีสีแดงสวยคล้ายกับสีเลือดหมู มีรสชาติ และกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่มีทั้งคัสตาร์ด มะพร้าว เค้กสับปะรดกล้วย เมล็ดถั่ว ไม้โอ๊ค แบล็กเชอร์รี มัลเบอร์รี ลูกพลัม ผลไม้สุก มอคค่า ช็อคโกแลต และเครื่องเทศต่างๆ ที่ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เหมาะกับการดื่มคู่กับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์เป็นหลัก เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อไก่ หรือเนื้อเป็ด เป็นต้น