Uncategorized

สารพัดศัพท์ไวน์ใช้ยังไงให้ดูโปร

นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่าปวดหัวสำหรับคอไวน์มือใหม่นั่นก็คือสารพัดศัพท์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับไวน์นั่นเอง ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่เฉพาะคอไวน์มือใหม่เท่านั้น เพราะศัพท์เกี่ยวกับไวน์บางคำก็ค่อนข้างที่จะเฉพาะทางที่แม้แต่คอไวน์รุ่นเดอะบางคนก็อาจเกิดความสับสนได้ในบางครั้ง และในวันนี้ Wine Daily BKK ก็ได้คัดศัพท์ที่น่าสนใจมาให้ได้ศึกษากันแบบง่ายๆ เพื่อเพิ่มความเข้าใจในการเลือกซื้อไวน์ให้ตรงเทสตรงใจมากยิ่งขึ้น

 

5 คำศัพท์สุดเบสิค รู้แค่นี้ก็จิบไวน์ได้อรรถรส

อย่างที่ได้เกริ่นไปตามด้านบนว่าศัพท์ไวน์หลายๆ คำค่อนข้างเฉพาะทาง ซึ่งบางคำก็อาจจะไม่มีความจำเป็นมากนัก สำหรับคอไวน์ระดับเริ่มต้นเรียนรู้แค่คำหลักๆ ไว้ให้พอได้เลือกซื้อไวน์ในแบบที่ชอบ สั่งที่ร้านแบบโปรๆ หรือคอมเมนท์หลังจิบได้แบบมีพื้นฐานก็ได้อรรถรสสุดๆ แล้ว ทั้ง 5 คำจะมีคำว่าอะไรบ้างไปดูกันเลย!

 

DRY ที่ไม่ได้แปลว่าแห้ง

เริ่มต้นกันที่ศัพท์บอกระดับความหวานของไวน์อย่างคำว่า ‘Dry’ ซึ่งในที่นี้ไม่ได้แปลว่าแห้ง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเห็นคำนี้ให้สันนิษฐานได้เลยว่า ไวน์ขวดที่คุณกำลังจะสั่งนี้ไม่ใช่ไวน์ที่มีความหวาน แต่ในที่นี้อาจพอมีน้ำตาลอยู่บ้าง ซึ่งหากแบ่งตามลำดับแล้วก็จะมีคำว่า ‘Bone Dry’ หรือไวน์ที่ปราศจากน้ำตาล ‘Dry’ ไม่หวาน ยังมีเปอร์เซ็นต์น้ำตาลแต่มีน้อย ‘Off-Dry’ ที่แปลว่าหวานกลางๆ และ ‘Sweet’ ซึ่งคือไวน์ที่มีรสชาติหวานไปเลย เป็นต้น

 

BODY ไม่ใช่ร่างกายแต่หมายถึงความเข้มข้น

ต่อมาที่คำว่า ‘Body’ โดยคำนี้ถือเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ไวน์ระดับเบื้องต้น ใช้บอกความเข้มข้นหนาแน่นของไวน์ โดยแบ่งตามระดับได้ดังนี้ ‘Light Body’ ไวน์ที่มีความหนาแน่นน้อยให้ความรู้สึกโปร่งเวลาจิบ เช่น Gamay, Pinot Noir, Champagne หรือ Rose’ ไวน์ เป็นต้น ‘Medium Body’ มีความหนาแน่นปานกลาง เช่น Cabernet Franc หรือ Merlot  และ ‘Full Body’ คือไวน์ที่มีความเข้มข้นหนาแน่นสูง ให้รสสัมผัสที่ลึกเวลาจิบ อย่าง Bordeaux หรือ Shiraz

 

ACIDITY ความเปรี้ยวของไวน์

หากแปลแบบตรงตัวอาจจะแปลได้ว่า ‘ความเป็นกรด’ ซึ่งอยู่ในองุ่น หรืออธิบายแบบง่ายๆ ก็คือความเปรี้ยว – ซ่า นั่นเอง ทั้งนี้เปอร์เซ็นต์มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลา กรรมวิธีการหมักบ่ม รวมถึงสายพันธุ์ขององุ่นชนิดนั้นๆ และสภาพภูมิอากาศในการเพาะปลูกอีกด้วย ซึ่งก็แบ่งออกเป็น 3 ระดับเช่นเดียวกันกับความหนาแน่น ดังนี้ Mild – เป็นกรดต่ำ, Brisk – เป็นกรดปานกลาง และ Crisp – เป็นกรดสูง (ส่วนใหญ่มักใช้กับไวน์ขาว)

 

TANNIN รสฝาดจากเปลือก และเมล็ดขององุ่น

มาที่เรื่องของ Tannin หรือ แทนนิน คำนี้ใช้บรรยายความฝาดเฝื่อน ของอาฟเตอร์เทสหลังจิบไวน์ ซึ่งมาจากเปลือก และเมล็ดขององุ่นที่ใช้หมักบ่ม โดยวิธีเบื้องต้นที่สามารถสังเกตได้ว่าไวน์นั้นๆ มีแทนนินมาก หรือน้อยอาจดูจากความเข้ม – อ่อน ของสีไวน์นั้นๆ โดยระดับของแทนนิน อาจแบ่งออกได้ตามนี้ Round, Mellow, Finesse และ Firm โดยเรียงตามความอ่อนสุดของแทนนิน ไปถึงจนถึงความเข้มสุดที่สามารถสัมผัสได้ชัดเจนทันทีหลังจากจิบตามลำดับ

 

FRUITINESS กลิ่นของความสดชื่น

Fruitiness หรือ ที่ชอบพูดกันว่า ‘ไวน์ตัวนี้มีความฟรุ้ตตี้’ เป็นคำที่ใช้บรรยายในเรื่องของกลิ่นที่มีความเป็นผลไม้ในไวน์ ซึ่งมักจะใช้กับกลิ่นผลไม้อื่นๆ ที่นอกเหนือจากองุ่นที่เป็นเบสหลักของไวน์ อาทิเช่น เชอร์รี่ พลัม ซิตรัส เบอร์รี่ต่างๆ เป็นต้น ใช้อธิบายถึงความหอมหวาน สดชื่น มีความอมเปรี้ยวจากกรดเบาๆ โดยไวน์สไตล์นี้ส่วนมากจะมาจากผู้ผลิตที่เป็นคลื่นลูกใหม่เป็นส่วนใหญ่

 

รู้ศัพท์แล้วก็เลือกสั่งไวน์ได้แบบมือโปร

สำหรับ 5 คำศัพท์ที่เราหยิบมานำเสนอกันไปทาง Wine Daily BKK ก็หวังว่าจะทำให้คุณเข้าใจ และได้อรรรสในการดื่มด่ำกับไวน์ได้มากขึ้น ทั้งนี้ยังมีเรื่องราวของไวน์อีกมากที่ยิ่งรู้เท่าไหร่ก็ยิ่งจิบไวน์ได้สนุกมากเท่านั้น ติดตามกันไว้ที่บล็อกของเราได้เลยครับ!

 

สั่งไวน์คุณภาพดี มีแต่ของแท้ ในราคาที่คุ้มที่สุดได้ง่ายๆ แม้อยู่ที่บ้าน!

สนใจสั่งซื้อไวน์ตัวไหน หรืออยากได้คำแนะนำ และรายละเอียดเพิ่มเติมจากทางเรา สามารถกดปุ่มแอดไลน์ด้านล่าง แล้วทักเข้ามาสอบถามได้ทันที!