ทำความรู้จักกับแคว้น Bordeaux (บอร์โดซ์) เมืองแห่งไวน์ชื่อดังของโลก
บอร์โดซ์ หรือ Bordeaux เป็นชื่อที่คอไวน์จะได้ยินกันจนคุ้นหู เพราะไวน์ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นไวน์บอร์โดซ์จะมีรสชาติอันกลมกล่อมหอมหวานตามสไตล์เฉพาะของเขา ซึ่งความจริงแล้วชื่อเรียกของไวน์ที่คนเรียกกัน เป็นชื่อของเมืองหรือแคว้น จากประเทศฝรั่งเศสที่มีชื่อโด่งดังเรื่องไวน์ชั้นดีเป็นหนึ่งในที่สุดของโลก
ความงดงามของรสชาติในไวน์บอร์โดซ์ เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเพราะองุ่นที่เพาะปลูกในบอร์โดซ์ มีเพียงองุ่นชั้นเยี่ยมสายพันธุ์ดีเท่านั้นที่สามารถปลูกและเติบโตได้อย่างดีในแคว้นนี้ การปลูกไร่องุ่นไวน์ที่นี่ยังคงรักษาความดั้งเดิมของเถาองุ่นที่ปลูกไว้ได้อย่างดีด้วย ทำให้เมือง Bordeaux นี้ได้ติดเป็นหนี่งในมรดกโลกจาก UNESCO ที่มีทั้งสถาปัตยกรรมความคลาสสิกอันงดงามและมีไร่องุ่นไวน์ที่เก่าแก่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลกด้วย
เขตการปลูกองุ่นที่ Bordeaux
การแบ่งเขตพื้นที่การปลูกองุ่นซึ่งได้การรับรอง AOC (Appellations d’Origine Contrôlée) สัญลักษณ์รับรองแหล่งผลิตองุ่นที่มีคุณภาพของฝรั่งเศส ได้แบ่งพื้นที่ในบอร์โดซ์ไว้สองฝั่ง โดยมีเขตกั้นเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่าน โดยจะมีแม่น้ำ Dordogne (ดอฮ์ดอง) และ Garonne (แกฮอนน์) แม่น้ำสองสายนี้ไหลรวมกันมาที่แม่น้ำ Gironde (กีฮอนด์) ทำให้เกิดการแบ่งเขตปลูกองุ่นได้จากบริเวณ 2 ฟากของแม่น้ำ
- Left Bank หรือฝั่งซ้าย จะมีพันธุ์องุ่นสำหรับไวน์แดง:
- Cabernet Sauvignon
- Merlot
- Cabernet Franc
- Malbec
- Petit Verdot
- Carménère
สำหรับไวน์ขาวจะมีสายพันธุ์ ดังนี้:
- Sauvignon Blanc
- Semilion
- Sauvignon Gris
- Right Bank หรือฝั่งขวา จะมีพันธุ์องุ่นแดง:
- Merlot
- Cabernet Franc
- Cabernet Sauvignon
ไวน์แดงและไวน์ขาวของ Bordeaux
แคว้นบอร์โดซ์เป็นแหล่งผลิตไวน์แดงที่มีชื่อเสียง และแพงที่สุดในโลก มีไวน์แดงที่ผลิตและส่งออกวางตลาดทั่วโลกมากกว่า 700 ล้านขวด ถือเป็นไวน์แพงระดับโลกที่ควรค่าแก่การลิ้มรสสำหรับคอไวน์ที่ชื่นชอบไวน์แดงโดยเฉพาะ
ส่วนไวน์ขาวจากแคว้นบอร์โดซ์ก็มีชื่อเสียงไม่แพ้กัน ด้วยพันธุ์องุ่นที่มอบรสชาติไวน์สุดพิเศษให้กับผู้ดื่ม ไวน์ขาวจากที่นี่จึงที่นิยมมากสำหรับคอดื่มทั่วโลก หรือสำหรับคนที่ชอบไวน์ขาวรสไม่หวานไปหรือ Dry มาก จิบกำลังพอดีรสนี้
และถ้าถามว่าทำไมเราถึงเรียกไวน์แดงบอร์โดซ์ หรือไวน์ขาวบอร์โดซ์ ก็เพราะว่าพันธุ์องุ่นที่สามารถปลูกได้ในแคว้นนี้มีจำนวนเฉพาะสำหรับทั้งไวน์แดงและไวน์ขาวตามสายพันธุ์องุ่นที่ปลูกได้ทั้งฝั่งซ้ายและขวาที่เมืองนี้
ไวน์แดงบอร์โดซ์ (Red Bordeaux)
จะผลิตจากการบ่มองุ่นด้วยกัน ทั้งหมด 6 ชนิด ได้แก่ Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Merlot, Petit Verdot, Malbec และ Carménère ซึ่งไวน์แดงของแต่ละโรงผลิตก็จะคัดเลือกไวน์ที่ต้องการผลิตโดยผสมผสานพันธุ์องุ่นตั้งแต่ 1-6 ชนิดนี้เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างรสชาติไวน์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ตัวเอง อย่างโรงผลิตไวน์บางแห่ง เลือกได้เลือกใช้พันธุ์องุ่น Carménère ที่ถือว่าเป็นพันธุ์องุ่นที่หายากมากในส่วนผสมของไวน์ ก็จะมีเรทราคาของไวน์ที่ต่างกันไป โดยไวน์แดงเหล่านี้จะผ่านการบ่มและวินเทจมาเป็นอย่างดี จนได้รสกลมกล่อมพร้อมจิบจนติดใจ
สูตรการเบลนด์ไวน์แดงบอร์โดซ์ยอดนิยม:
- Cabernet Sauvignon + Merlot
- Cabernet Sauvignon + Merlot + Cabernet Franc
- Cabernet Sauvignon + Merlot + Cabernet Franc + Malbec + Petit Verdot
- Cabernet Sauvignon + Merlot + Cabernet Franc + Malbec + Petit Verdot + Carménère (เพียงเล็กน้อย)
ไวน์ขาวบอร์โดซ์ (White Bordeaux)
ถึงแม้ไวน์ขาวของบอร์โดซ์จะเป็นสัดส่วนการผลิตที่น้อยถ้าเทียบกับผลผลิตของไวน์แดงจำนวนมหาศาล แต่ไวน์ขาวที่ผลิตในเมืองนี้ก็ครองใจนักดื่มไวน์ได้อย่างอยู่หมัด โดยใช้ 2 ชนิด ในการผลิตเป็นหลัก ได้แก่ Sauvignon Blanc และ Sémillon ซึ่งในการผลิตไวน์ขาวบางที่ก็จะเลือกใช้ Sauvignon Gris และ Muscadelle ด้วย ซึ่งสูตรการเบลนด์ไวน์ขาวของเมืองบอร์โดซ์ยังได้ผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมออกมามากมาย โดยรสไวน์ในฝั่งนี้จะมีให้เลือกดื่มทั้งรสหอมหวานของผลไม้ที่เบาหน่อย กับอีกรสจะเป็นไวน์ขาวรสเข้มข้นเต็มคำ ที่ไม่หวานจนเกินไป และไม่ได้แห้งหรือ ให้รสที่ Dry มากเมื่อดื่ม
สูตรการเบลนด์ไวน์ขาวบอร์โดซ์ยอดนิยม:
- Sauvignon Blanc + Sémillon
- Sauvignon Blanc + Sémillon + Sauvignon Gris
- Sauvignon Blanc + Sémillon + Sauvignon Gris + Muscadelle
นอกจากนั้นความ Unique ของไวน์บอร์โดซ์ (Bordeaux) คือ รสชาติที่ได้ในแต่ละแก้วต่างให้ประสบการณ์การดื่มที่ไม่เคยซ้ำ เพราะทุกขวดล้วนกลั่นกรองมาจากเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ ทั้งความอุดมสมบูรณ์ของพื้นดินที่ใช้ปลูกองุ่น ภูมิอากาศโดยรวมค่อนข้างเย็นแบบเมดิเตอร์เรเนียน และมีฝนตกฉ่ำ ๆ ตามฤดูกาลที่ส่งให้ผลผลิตองุ่นได้ออกดอกออกผลอย่างสดเต็มรสที่สุด ใครที่ได้ลองไวน์แดงหรือไวน์ขาวสูตรบอร์โดซ์จะได้ติดใจกับรสชาติไวน์อันยอดเยี่ยม ที่แต่ละโรงผลิตไวน์ต่างสร้างสรรค์กรรมวิธีการบ่มหมักและการวินเทจไวน์สุดพิเศษมาให้
