หมู่บ้านยุคกลาง Saint-Emilion เขตผู้ผลิตไวน์เก่าแก่และมรดกโลกที่สำคัญของฝรั่งเศส
เขตการผลิตไวน์ที่ยังถูกอนุรักษ์ให้เป็นหมู่บ้านยุคกลาง แซงเตมิยง (Saint-Emilion) ของประเทศฝรั่งเศสแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่แคว้นบอร์โดซ์ทางฝั่งขวาของแม่น้ำ หรือเรียกได้ในอีกชื่อว่า Right Bank โดยไวน์ทั้งหมดในเขตนี้จะเป็นไวน์แดง 100% โดยไวน์ที่ผลิตที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนได้ระดับกรองด์ ครูส์ (Grand Cru Classé) ที่มีคุณภาพการผลิตสูงและมีมาตรฐานการผลิตที่ผ่านการคัดกรองทุกกระบวนการเป็นอย่างดี นับเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ไวน์แดงจากแซงเตมิยงมีราคาแพง
นอกจากนั้นการผลิตไวน์แดงที่หมู่บ้านแห่งนี้ ยังมีกฎเกณฑ์การผลิตที่แบ่งย่อยออกไปด้วย โดยจะมีการผลิตไวน์ 2 appellations หนึ่งคือแบบ Saint-Emilion และ สองคือแบบ Saint-Emilion Grand Cru การผลิตไวน์แบบที่สองจะมีเงื่อนไขและมาตรฐานการผลิตที่เข้มงวดยิ่งกว่า เพื่อให้ได้ผลผลิตไวน์ที่คุณภาพสูงขึ้น ลักษณะความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของไวน์ Saint-Emilion Grand Cru คือรสที่ได้จะเป็น Full body ได้ชิมเนื้อไวน์เข้ม ๆ เต็มคำ และมีแทนนินที่แน่นให้สัมผัสการดื่มที่สนุกกว่าเดิม โดยไวน์ที่ราคาแรงของแซงเตมิยงจะมีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแบบที่หาจากไวน์ที่ไหนไม่ได้ด้วย ไวน์แดงบอร์โดซ์สูตรแซงเตมิยงจึงเป็นที่ต้องการสูงในตลาดไวน์ตลอดเวลา
แซงเตมิยง (Saint-Emilion) ผู้ผลิตไวน์แดงบอร์โดซ์สุดเลอค่าจาก Right Bank
โดยรวมแล้วพื้นที่ทั้งหมดในการทำไร่องุ่นไวน์ของเขตการผลิตไวน์นี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก หรือเรียกได้ว่าค่อนข้างเล็กแต่ผลผลิตที่ส่งออกจากหมู่บ้านนี้ไม่เล็กเลย ชื่อเสียงเรื่องมูลค่าราคาสูงของไวน์จากแซงเตมิยงเป็นที่รู้กันดูในหมู่นักดื่มไวน์จากทั่วโลก เพราะผลผลิตจากไร่องุ่นในแต่ละปีมีจำนวนที่ค่อนข้างจำกัด ในขณะที่มีไวน์แดงจากแซงเตมิยงเป็นที่ต้องการมาก ๆ ในตลาดโลก และกว่าจะผลิตไวน์แดงคุณภาพมาตรฐานนี้ได้ในแต่ละปี ทุกกระบวนการผ่านการคัดกรองมาโดยละเอียดยิบ เพื่อสร้างไวน์ที่ได้คุณภาพดีที่สุดตรงตามสูตรโรงผลิตไวน์ของ Saint-Emilion
พันธุ์องุ่นหลักที่สามารถปลูกได้ในเขตการผลิตนี้ ได้แก่
- Merlot
- Cabernet Franc
- Cabernet Sauvignon
สูตรการเบลนด์ไวน์แดงบอร์โดซ์จากหมู่บ้านยุคกลาง Saint-Emilion ยอดนิยม:
- Merlot + Cabernet Franc
- Merlot + Cabernet Franc + Cabernet Sauvignon
ลักษณะพื้นที่ปลูกไวน์ของเขตแซงเตมิยง (Saint-Emilion) อันสวยงาม
ภูมิประเทศที่เพาะปลูกไร่องุ่นในหมู่บ้านแห่งนี้จะเป็นดินที่เป็นหินกรวดหรือทราย หินปูน และลักษณะของดินเหนียวที่มีการผสมและเปลี่ยนแปลงตลอดปี อากาศในย่านนี้จะค่อนข้างเย็นถึงอุ่นเพราะมีลมทะเล ในขณะเดียวกันก็จะมีฝนตกบ้างตลอดปี และในหน้าร้อนก็จะมีอากาศที่ร้อนแห้ง ทำให้ผืนดินสำหรับเพาะพันธุ์องุ่นสามารถเติบโตได้เป็นอย่างดี ได้ผลผลิตที่แข็งแรงเหมาะกับการปลูกองุ่นทำไวน์ โดยเฉพาะการปลูกองุ่น 2 สายพันธุ์นี้ ได้แก่ Merlot และ Cabernet Franc ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของไวน์สูตรแซงเตมิยง ที่สามารถออกดอกออกผลที่สมบูรณ์เต็มรสเต็มคำได้ดีที่สุดจากการปลูกด้วยดินของเขตนี้ ผลิตภัณฑ์ไวน์ที่ได้จากหมู่บ้านแห่งนี้จะมีหลายรสหลายแบบให้เลือก ทั้งไวน์แดงที่ให้รสชาติพอดีคำ มีแทนนินที่นุ่มหอม หรือจะเป็นสายไวน์แดงรสเข้ม ที่เนื้อไวน์ให้สัมผัสแบบ full body ก็มี ส่วนถ้าใครอยากจะลองลิ้มรสไวน์แดงตัวท็อปของแซงเตมิยง ต้องเลือกไวน์ที่ติด Label ว่า Grand Cru Classé เลย รับรองว่าใครได้ชิมแล้วจะต้องได้ประสบการณ์การดื่มที่มีคุณค่า
ประวัติที่มาของแซงเตมิยง (Saint-Emilion) และการแต่งตั้งเป็น World Heritage โดย UNESCO
หมู่บ้านยุคกลางแซงเตมิยงได้สร้างประวัติกาลจากการเป็นเขตไร่ผลิตไวน์ที่แรกของโลก ที่ได้รับการจดบันทึกให้เป็นมรดกของโลก (World Heritage) โดย UNESCO ในปีค.ศ. 1999 ด้วยความเก่าแก่ของพื้นที่ทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่ยังคงไว้ได้มาจนถึงปัจจุบัน และยังมีการอนุรักษ์วัฒนธรรมการผลิตไวน์ที่ทำมาตั้งแต่ยุคตั้งต้นของการผลิตไวน์มาอย่างต่อเนื่อง นอกจากเรื่องการผลิตไวน์ที่มีคุณภาพแน่น ๆ แล้ว บรรยากาศในหมู่บ้าน Saint-Emilion นั่นสวยมาก ๆ สวยทุกมุมเมืองเลย ย้อนไปตั้งแต่จุดตั้งต้นในปีค.ศ. 1884 ที่กลุ่มผู้ผลิตไวน์กลุ่มแรกได้ก่อตั้งขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้ และต่อมาในปีค.ศ. 1936 พื้นที่เพาะปลูกไร่องุ่นผลิตไวน์ที่แซงเตมิยง (Saint-Emilion) จึงได้การรองรับ AOC อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่นั้นมาตลาดไวน์ที่หมู่บ้านแห่งนี้จึงค่อย ๆ เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและสร้างชื่อเสียงในระดับโลกด้วยไวน์แดงชั้นดี
เมื่อได้ลองชิมไวน์จากแซงเตมิยงแล้ว สิ่งที่น่าไปเก็บประสบการณ์ต่อก็คือการได้ไปเยือนหมู่บ้านยุคกลาง Saint-Emilion ที่สวยงาม และจิบไวน์จากที่นี่ไปพร้อม ๆ กัน ความลงตัวและเพลิดเพลินในบรรยากาศในการดื่มจะยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก ด้วยรสไวน์อันกลมกล่อมหอมหวานพอดีดื่มของไวน์แดงสูตรเฉพาะของแซงเตมิยง และความหายากที่ทำให้นักดื่มยิ่งอยากครอบครองไวน์ชั้นเลิศตัวนี้